พัฒนาการทางด้านร่างกาย
พัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กในระยะก่อนวัยเรียนจะมีพัฒนาการในอัตราส่วนเปลี่ยนแปลของร่างกายค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับวัยทารก
น้ำหนักและส่วนสูงเพิ่มขึ้นแต่ไม่มาก ร่างกายส่วนต่างเริ่มเปลี่ยนแปลง
เช่นแขนขายาวมากขึ้น ศีรษะยาวขึ้นและเริ่มเล็กลงฟันน้ำนมยังไม่เจริญเต็มที่
กระดูกแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม กล้ามเนื้อและปราสาทสัมผัสต่างๆ
ทำงานได้ดีขึ้น เด็กในวัยนี้เริ่มควบคุมอวัยวะส่วนต่างๆได้มากขึ้น การเล่นกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายและช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาการทางด้านอารมณ์ สังคม และสติปัญญาได้เป็นอย่างดี
การพัฒนาการทำงานประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่
อวัยวะที่ใช้ในการเคลื่อนไหวของเด็กวัยนี้เป็นช่วงสำคัญอย่างยิ่ง กล้ามเนื้อแขน
ขาและข้อต่างๆของเด็กเจริญขึ้นเรื่อยๆจนเกือบสิ้นสุด
รวมทั้งมีการพัฒนาความสามารถในการใช้งานของร่างกายและข้อต่อต่างๆ พัฒนาการเหล่านี้มีผลต่อการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของเด็ก
ลักษณะการเดิน การวิ่งของเด็กในวัยนี้จะแตกต่างจากวัยทารก
เริ่มมีความใกล้เคียงกับวัยผู้ใหญ่มากขึ้น มีความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อดีขึ้น
ซึ้งมีผลมาจากกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงนั้นเองสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้มากของเด็กในวัยนี้คือ
การเดิน การวิ่ง การปีนป่าย การคว้าปาลูกบอล
การกระโดด การปั่นจักรยาน เป็นต้น
แต่ในส่วนของกล้ามเนื้อเล็ก หรือกล้ามเนื้อของมือนั้น
เด็กในวัยนี้พบว่ายังพัฒนาได้ไม่ดีและยังไม่เต็มที่เหมือนกล้ามเนื้อใหญ่ที่ใช้ในการเคลื่อนไหว
แม้ว่ากล้ามเนื้อเล็กจะพัฒนาได้ไม่ดีเท่ากล้ามเนื้อใหญ่แต่ความสามารถพบของเด็กในวัยนี้
ได้แก่ การเริ่มใช่มือจับดินสอลากเส้น ขีดเขียนการใช้กรรไกร
การผูกเชือก การติดกระดุม การถือและจับของที่มั่นคงมากขึ้น
รวมทั้งการใช้ปลายนิ้วในการหยิบจับวัตถุขนาดเล็กได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
เนื่องจากเด็กในวัยนี้เป็นวัยเริ่มต้นในการเรียนรู้และเตรียมตัวเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะต้องทำกิจกรรมมากขึ้น
รวมทั้งการปรับตัวเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมกับบุคคลอื่นๆ
ทั้งในบ้านและในสังคม ดังนั้นพ่อแม่ ผู้ปรกครองจึงควรส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายของเด็กให้พร้อม
เพื่อให้เด็กสามารถปฏิบัติกิจกรรมอื่นๆต่อไปได้ นอกจากนี้ พ่อแม่
และผู้ปรกครองควรส่งเสริมทักษะการช่วยเหลือตนเองของเด็กในวัยนี้ เช่น
การรับประทานอาหารการถอดเสื่อผ้า การใส่เสื่อผ้า เป็นต้น ควบคู่กันไปด้วย
พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม
เด็กในระยะก่อนวัยเรียน
เป็นช่วงที่มักมีอารมณ์และพฤติกรรมดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง เจ้าอารมณ์
อยู่ในช่วงปฏิเสธ(Negativistic Phase)เด็กในวัยนี้เริ่มมีลักษณะอารมณ์ประเภทต่างๆ
เหมือนผู้ใหญ่เช่น อารมณ์โกรธ อารมณ์อิจฉา อารมณ์อยากรู้อยากเห็น อารมณ์เห็นอกเห็นใจ อารมณ์ก้าวร้าว อารมณ์อวดดี
อารมณ์สนุกสนาน เป็นต้น อารมณ์โกรธ เป็นอารมณ์ที่พบมากสำหรับเด็กในวัยนี้
เนื่องจากเด็กอยากเป็นตัวของตัวเองจึงแสดงออกในลักษณะอยากเอาชนะ
บางครั้งเด็กแสดงอารมณ์โกรธ โดยการร้องไห้
กระทืบเท้า กระโดด ทำร้ายตัวเอง
กรีดร้อง เป็นต้น อารมณ์อวดดี
เป็นอารมณ์ที่พบมากในวัยนี้เช่นกันอารมณ์นี้เกิดจากเด็กที่มีความต้องการอยากทำอะไรด้วยตัวเอง
แต่มักจะได้รับการห้ามปรามหรือไม่ตามใจจึงทำให้เด็กบางคนแสดงออกเป็นพฤติกรรมการนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ การไม่ปฏิบัติตรงข้าม หรือแสร้งทำกิจกรรมต่างๆให้ช้าลง
เป็นต้น
เด็กในวัยนี้มักแสดงถึงลักษณะการเป็นเด็กชั่งซัก ชั่งถาม
ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของพัฒนาการทางอารมณ์ด้านความอยากรู้อยากเห็นเด็กเริ่มพัฒนาและรู้จักการใช้เหตุผล
ชั่งตั้งคำถาม ถ้าผู้ปรกครองสนองตอบอารมณ์ชนิดนี้ของเด็กได้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้การใช้เหตุผลของเด็กพัฒนาเร็วขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง
สังคมรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวดีขึ้นด้วยผู้ปรกครองจึงควรเข้าใจและตอบคำถามของเด็กอย่างเอาใจใส่เหมาะกับวัยและสติปัญญาของเด็ก
ถ้าเด็กรู้สึกว่าผู้ใหญ่พอใจหรือได้รับโทษจากการซักถาม การซักถามจะค่อยๆหายไป
ซึ้งอาจมีผลให้เด็กมีนิสัยไม่อยากรู้อยากเห็นจะเกิดนิสัยเชื่อง่ายต่อไปได้
ส่วนพัฒนาการทางสังคมของเด็กในวัยนี้จะได้รับพัฒนาต่อเนื่องจากช่วงวัยทารก
เด็กวัยนี้เริ่มเรียนรู้การเข้าหาบุคคลอื่น
เริ่มอยากเล่นและคบหากับเด็กในวัยใกล้เคียงกัน แต่อาจะทำได้ไม่มากนักเพราะยังไม่รู้จักการให้และการรับ ดังนั้นจะเห็นว่าเด็กในวัยนี้เล่นกับเพื่อนได้ไม่นานจะมีเรื่องทะเลาะกัน แต่ไม่นานจะกลับมาเล่นกันใหม่
เด็กในวัยนี้มักจะชอบเพื่อนที่ตามใจตนเองมากกว่าเพื่อนที่ชั่งฟ้อง หรือไม่คลายตามตัวเอง สิ่งที่พบมากในเด็กวัยนี้คือ การเล่นหรือการสร้างโลกสมมุติขึ้น เป็นการเลียนแบบจากในครอบครัวจากโทรทัศน์หรือประสบการณ์อื่นๆ
จะเห็นได้ว่าการเล่นกับเด็กในวัยนี้มีความสัมพันธ์กันมากเพราะช่วยให้เด็กเกิดพัฒนาการต่างๆ ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจกับสิ่งแวดล้อม
ช่วยให้เด็กรู้จักการเข้าสังคมกับบุคคลอื่น ลักษณะการเล่นและเรื่องราวที่เล่น เป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงสติปัญญา บุคลิกภาพ
ลักษณะอารมณ์
ความสามารถของเด็ก
พื้นฐานของครอบครัวและเพศ
พัฒนาการด้านสติปัญญา
การพัฒนาความสามารถด้านสติปัญญาสำหรับเด็กในวัยนี้ควรพัฒนาและสมาธิที่ดี
ในด้านกระบวนการคิดควรพัฒนาให้เด็กเป็นคนคิดไวคิดเป็นระบบ คิดสร้างสรรค์
และสามารถคิดเชื่อมโยงเหตุและผลต่างๆ
ตลอดจนสามารถจินตนาการสร้างภาพในใจได้
เน้นการแก้ปัญหารวมถึงการทำงานประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา